หนุ่มวัยเบญจเพสคลั่งรัก เพี้ยนหนัก แอบวางเพลิงบ้านเจ้านาย คว้ามีดจี้เมียสาวซิ่งมอเตอร์ไซค์หนีนายจ้างสุดระทึก
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกของวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงเผาบ้านเลขที่ 3/5 ซอยหัวนารี ถ.นาไสปรางค์ หมู่ 6 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนใช้มีดจี้จับตัว นางรุ่งนภา อายุ 25 ปี ภรรยานายวินิต อายุ 27 ปี เจ้าของบ้านขึ้นรถจักรยานยนต์สีแดงคาดขาว ทะเบียน 1กง-1795 นครศรีธรรมราช หลบหนีมุ่งหน้าไปทางสี่แยกเบญจมราชูทิศ โดยมี นายวินิต ขับรถยนต์มิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน พม-9645 นครศรีธรรมราช ไล่ตาม เจ้าหน้าที่จึงวิทยุสกัดจับกุมทันที
กระทั่งเจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ของคนร้ายขับมาถึงหน้าป้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใกล้โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นายวินิต เจ้าของบ้านและสามี จึงเร่งเครื่องแซงขึ้นไปขวางด้านหน้า คนร้ายจึงหยุดรถ นายวินิต จึงถอยรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์จนล้ม และพยายามเข้าจับกุมตัวคนร้าย แต่คนร้ายใช้มีดปลายแหลมยาว 1 คืบ จ้วงแทงนายวินิต แต่นายวินิต หลบทัน จนเกิดการต่อสู้กันชุลมุน
ในเวลาต่อมา พ.ต.ท. พนม บุญช้าง สวป.สภ.เมือง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและ อส.ตร. เข้าระงับเหตุและสามารถจับกุมคนร้ายเอาไว้ได้พร้อมมีดปลายแหลม ไฟแช็ก และรถจักรยานยนต์ 1 คัน พร้อมควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก จนทราบชื่อคนร้ายคือ นายธวัชชัย หรือโจ้ แสงระวี อายุ 25 ปี ภูมิเนาอยู่ที่ ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช
จากนั้น ร.ต.ท. กฤตภพ ไทยฤทธิ์ ร้อยเวรเจ้าของคดี ได้เดินทางเข้าตรวจสอบบ้านที่ถูกวางเพลิง พบเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ภายในห้องพบร่องรอยเพลิงไหม้ตู้เสื้อผ้า พระเครื่อง ได้รับความเสียหาย และพบขวดน้ำพลาสติกสีขาวใส่น้ำมันถูกไฟไหม้ตกอยู่กลางห้อง
ด้านนายวินิต เจ้าของบ้าน ให้การว่า ตนประกอบอาชีพรับเหมาปักเสาและเดินสายไฟฟ้า ส่วนนายธวัชชัย คนร้ายที่ก่อเหตุเป็นลูกจ้างที่ทำงานอยู่กับตน ซึ่งตามปกตินายธวัชชัย จะพักอยู่ด้วยกันที่บ้านของตน แต่ระยะหลังตนทราบว่านายธวัชชัย แอบชอบนางรุ่งนภา ภรรยาของตน จึงเกิดมีปากเสียงกับนายธวัชชัย อย่างรุนแรง นายธวัชชัย จึงออกจากงานและกลับไปอยู่บ้านที่ อ.ถ้ำพรรณรา จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนพร้อมด้วยนางรุ่งนภา และน้องสาว นอนหลับอยู่ในห้องชั้นล่าง ตนได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์วิ่งมาจอดบนถนนหน้าบ้านก่อนจะดับเครื่องยนต์เงียบไป หลังจากนั้นสุนัขก็เห่ากรรโชกเสียงดัง
ตนจึงออกจากห้องเดินขึ้นไปในห้องเก็บของเพื่อเปิดหน้าต่างสำรวจดูนอกบ้าน ก็พบนายธวัชชัย ใช้บันไดพาดปีนขึ้นมาเปิดหน้าต่างและใช้น้ำมันเบนซินใส่ขวดพลาสติกราดไปทั่วห้อง ก่อนใช้ไฟแช็กจุดไฟจนลุกไหม้ไปทั่วห้อง จากนั้นตนพร้อมด้วยภรรยาและน้องสาว รีบวิ่งเข้าไปตักน้ำใส่ถังช่วยกันดับไฟอยู่เกือบ 10 นาที เพลิงจึงสงบ แต่จังหวะนั้นนายธวัชัย ได้ปีนกลับขึ้นมาทางหน้าต่างอีกครั้งและเข้ามาในห้อง โดยมีมีดปลายแหลมข่มขู่ไม่ให้ใครเข้าใกล้ และตรงเข้าล็อกคอใช้มีดจี้บังคับนางรุ่งนภา พาออกนอกบ้านก่อนจะให้นั่งซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ขับหลบหนี ตนพร้อมด้วยน้องสาว จึงขับรถยนต์ไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิดจนไปทันและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยจับกุม
ขณะที่ นายธวัชชัย ผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ตนหลงรักนางรุ่งนภา มานานตั้งแต่ก่อนที่จะแต่งงานกับนายวินิต แต่นางรุ่งนภา กลับแต่งงานกับนายวินิต และมีบุตรสาว 1 คน อายุ 6 ขวบ ตนก็ยังคงรักและคิดถึงนางรุ่งนภาอยู่จนถอนตัวไม่ขึ้น จึงตัดสินใจให้ผู้ใหญ่คนหนึ่งมาฝากให้ทำงานเป็นคนงานปักเสาและเดินสายไฟฟ้ากับนายวินิต เพื่อที่ตนจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับนางรุ่งนภา จนนายวินิต รู้ว่าตนคิดไม่ซื่อกับนางรุ่งนภา จึงเกิดความหึงหวงจนมีเรื่องทะเลาะกับตนอย่างรุนแรง ตนจึงออกจากงานกลับไปอยู่บ้านที่ อ.ถ้ำพรรณรา แต่ทนคิดถึงนางรุ่งนภา ภรรยานายวินิต ไม่ไหว จึงตัดสินใจขับรถจักรยานยนต์มาหานางรุ่งนภา ที่บ้านเกิดเหตุ แต่ไม่กล้าเข้าไปที่บ้าน
ร.ต.ท. กฤตภพ ไทยฤทธิ์ ร้อยเวรเจ้าของคดี กล่าวว่า นายธวัชชัย ผู้ต้องหากระทำความผิดหลายข้อหา โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลอบวางเพลิงเผาทรัพย์สินของผู้อื่น และพกพาอาวุธมีดโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาบุกรุกเคหสถานยามวิกาล หน่วงเหนี่ยว กักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ ทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่า ต้องรอสอบสวนปากคำนายวินิต และนางรุ่งนภา ผู้เสียหาย อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง หากมีพยานหลักฐานหรือเข้าข่ายการกระทำความผิดจะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับนายธวัชชัยเพิ่มเติมต่อไป
ที่มา http://hilight.kapook.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น