728x90
นักเขียนหนุ่ม เลือดน้ำหมึกรุ่นใหม่ ผู้มีนามว่า "ปราปต์” ร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ศิลป์หน้าหนึ่งอันบางช่วงตอนมีเรื่องราวว่าด้วยคลองโอ่งอ่าง ในนวนิยายที่เข้ารอบสุดท้าย วรรณกรรมยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือซีไรต์ เอาไว้อย่างน่าตื่นเต้นชวนติดตามคลองโอ่งอ่าง ใน "กาหลมหรทึก” ของปราปต์ ที่ชักนำผู้อ่านกลับไปสู่ พ.ศ. 2486 ซึ่งอยู่ในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา ยังเป็นคลองที่มีน้ำใสสะอาด มีเรือพายเรือแจวขายสินค้า คำว่า โอ่ง และอ่าง ก็น่าจะมาจากเครื่องปั้นดินเผาที่วางสุมมาในเรือของพ่อค้าแม่ขาย ชาวมอญและชาวจีน เพื่อมาส่งขายย่านสะพานหัน สำเพ็ง และเยาวราชนั่นเอง
คลองโอ่งอ่าง ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นฉากสำคัญฉากฆาตกรรมหนึ่งในนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนเขย่าขวัญย้อนยุคเมื่อ 72 ปีที่แล้ว กำลังมีชื่อเสียงได้รับการกล่าวขาน ทั้งในบรรยากาศงานเขียนเลื่องลือของปราปต์ และในฐานะที่เป็นผู้ถูกกระทำจากผู้ค้าขายย่านสะพานเหล็ก สะพานลำลองที่สร้างขึ้นด้วยเหล็กอย่างลวกๆ พาดคร่อมเลียบคลองโอ่งอ่าง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ค้าขายและคนจับจ่ายซื้อหา
กรุงเทพมหานคร หน่วยงานของภาครัฐ ผู้ประกาศทวงคืนคลองโอ่งอ่างตรวจสอบพบว่า มีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำคลองโอ่งอ่าง ตั้งแต่บริเวณสะพานดำรงสถิตย์ถึงสะพานภาณุพันธุ์อยู่ 363 ราย จากสะพานภาณุพันธุ์ถึงสะพานหัน 74 ราย และจากบริเวณสะพานหันถึงสะพานบพิตรพิมุข 63 ราย สิริรวมผู้บุกรุกทั้งสิ้น 500 ราย
20 ตุลาคม ที่ผ่านมา กทม. ดีเดย์ สั่งให้ผู้ค้าขายที่บุกรุกทยอยรื้อย้ายออกไป
ยามที่เรื่องราวของคลองโอ่งอ่าง ได้รับการขานไขอีกครั้ง ในฐานะที่เป็นคูเมืองประวัติศาสตร์ ที่ขุดลัดจากแม่น้ำเจ้าพระยา สู่คลองบางลำพู มหานาค ไปออกแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้งตรงเหนือวัดสามปลื้ม หรือวัดจักรวรรดิราชาวาส อยู่ในห้วงเวลาของการทวงคืนสภาพแวดล้อม โบราณสถาน และสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ ซึ่งแม้รอบคลองโองอ่างทุกวันนี้จะถูกอัดแน่นไปด้วยตึกแถวพาณิชย์ อันล้วนงอกเงยขึ้นเบียดบังวัดวาอาราม อันงามวิจิตรอยู่ชิดริมน้ำ ที่มีมาแต่เดิม
มีคำถาม หรือจะเรียกอีกอย่างว่า นินทาหรือข้อครหาชวนสงสัยขึ้นมาว่า เมื่อไล่รื้อผู้ค้าเหนือสะพานเหล็กแล้ว ละแวกนั้นจะถูกนำไปรับรองทุนใหญ่ที่เรียกกันว่า พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีความเป็นไปได้หรือไม่
อนาคตข้างหน้าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจ ของนโยบายอนุรักษ์โบราณสถาน แต่ในวันนี้ วันที่เราพากันพูดถึงคูเมือง และคลองต่างๆ ที่แผ่กิ่งก้านสาขาในอดีต หลากหลายสายผ่านสื่อมากมาย ทั้งในระดับนโยบายของรัฐบาล กระทั่งเรื่องเล่าขานร้อยเรียงผ่านบทประพันธ์ ย่อมน่าสนใจยิ่งนักว่า ตรงปลายทางของเรื่องราวจะหยุดลงตรงไหน หรือว่าจะปล่อยผ่านเลย เหมือนบทที่จบลงในหน้ากระดาษ ถูกวางเอาไว้บนหิ้งหรือตู้หนังสือ
มีความฝันอันยิ่งใหญ่ จากคนตัวโต หัวหน้าใหญ่ผู้บริหารสูงสุดในทำเนียบรัฐบาล ในอันที่จะพลิกฟื้นคืนชีวิตให้แก่คูคลองในกรุงเทพมหานครที่ถูกปล่อยทิ้ง และถูกรุกรานกันมาเป็นเวลาช้านาน หลายแห่งอยู่ในสภาพไม่ต่างไปจากคูน้ำครำ ฝันที่ว่านั้นคือที่มาของตลาดวัฒนธรรมริมคลองผดุงกรุงเกษม อันเป็นเสมือนผลงานชิ้นสำคัญหนึ่ง ซึ่งเจ้าของไอเดียเฝ้าปลุกปั้น และแวะเวียนไปต่อลมหายใจให้อยู่เสมอ
อีกไม่นานนัก บางภาพในอดีตของคลองโอ่งอ่างจะหวนคืนมา แม้เป็นเพียงเศษเสี้ยวจากประวัติศาสตร์ที่หลงเหลืออยู่จากเมื่อปี พ.ศ.2426 หรือเมื่อ 132 ปีก่อน
หากแต่จะน่าเสียดายอยู่ไม่น้อย ถ้ารอบข้างถูกกระทำซ้ำด้วยคำที่ว่า “พัฒนา” หรือว่าในทางกลับกันคือ ”ไม่ทำอะไรเลย”
เรื่องราวต่างๆ ทั้งที่กล่าวขานผ่านตัวอักษร และความฝันของใครสักคน อันเกิดตามมาในอีกกว่าศตวรรษ ก็คงมีค่าไม่มากไปกว่า ความเปลี่ยนแปลงอื่นๆ อันหาได้กอปรขึ้นด้วยชีวิตจิตวิญญาณแห่งเกาะรัตนโกสินทร์ ไม่ว่าจะเป็นพระนครหรือธนบุรีอย่างในอดีตก็ตาม
728x90 |
ที่มา http://www.komchadluek.net
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น