ทีมขุนพลโต๊ะเล็ก "ช้างศึก" ต้องลุ้นชนิดหืดจับ กว่าจะเอาชนะทีม "ออสซี" ออสเตรเลีย ไปได้ 5-3 ในรอบชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์ฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน 2015 มาครองได้สำเร็จ และเป็นแชมป์สมัยที่ 11 สำหรับทีมชาติไทยอีกด้วย...
วันที่ 16 ต.ค. 58 การแข่งขันศึกฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน "เอเอฟเอฟ ฟุตซอล แชมเปียนชิพ 2015" รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามบางกอก อารีนา "ช้างศึกโต๊ะเล็ก" ทีมชาติไทย ซึ่งเป็นแชมป์เก่า 10 สมัย โคจรมาพบกับขุนพลโต๊ะเล็กจากแดนจิงโจ้ ออสเตรเลีย ซึ่งเมื่อปี 2014 ที่ประเทศมาเลเซีย เป็นฝ่ายทีมชาติไทย ที่เอาชนะไปได้อย่างขาดลอย 6-0
เริ่มเกมในครึ่งแรกทั้งสองทีมเปิดเกมรุกแลกหมัดกันอย่างสนุก และจวนเจียนจะได้ประตูขึ้นนำกันทั้งสองทีม แต่จังหวะสุดท้ายยังทำได้ไม่เฉียบคมพอ ทำให้หมดครึ่งแรก เสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลัง เกมยังคงสนุกเข้มข้นเช่นเดิม กระทั่งในนาทีที่ 28 จากการต่อบอลสุดสวยของทีมออสซี ก่อนที่ จาร์ร็อด บาสเจอร์ จิ้มบอลหน้าประตูโล่งๆ เข้าไป ขึ้นนำ 0-1
หลังจากนั้นทัพโต๊ะเล็กทีมชาติไทย ก็พยายามเร่งเครื่องหวังทวงประตูคืน โดย "กัปตันช้าง" กฤษฎา วงศ์แก้ว เป็น 1-1 ในนาที 29 และถัดมาไม่กี่อึดใจ กฤษฎา วงศ์แก้ว ก็มาบวกประตูที่สองให้กับตัวเอง และเป็นประตูให้ทีมชาติไทยขึ้นนำ 2-1
จากนั้นในนาที 34 จากจังหวะสวนกลับเร็ว สรศักดิ์ พูนจังหรีด ก็หลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนแปโล่งๆ ให้กับไทยหนีห่างออกไปเป็น 3-1
กระทั่งเข้าสู่ช่วงท้ายเกม ออสซีก็ได้ประตูไล่ขึ้นมาเป็น 2-3 จากการพุ่งเข้าชาร์จหน้าประตูของ บาเรียนโตส โจนาธาน แต่หลังจากขุนพลนักเตะออสซีดีใจได้ไม่นาน ทีมชาติไทยก็ทำประตูหนีห่างออกไปอีกครั้งเป็น 4-2 จากการยิงของ วรุฒม์ หวังสะมะแอล ในนาที 37
กอนหมดเวลา 1 นาที ออสเตรเลียไล่มาเป็น 3-4 จาก เดเนียล โฟการ์ตี้ จนกระทั่ง 10 วินาทีสุดท้าย กฤษฎา วงศ์แก้ว มาทำแฮตทริกให้ทีมชาติไทย
ทำให้จบเกมขุนพลโต๊ะเล็ก ทีมชาติไทย ชนะ ออสเตรเลีย ไปได้ 5-3 คว้าแชมป์อาเซียนไปครองได้สำเร็จ เป็นสมัยที่ 11 พร้อมกันนี้ เจษฎา ชูเดช ยังคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดประจำทัวร์นาเมนต์ ด้วยผลงาน 12 ประตู และ ผู้เล่นทรงคุณค่าในทัวร์นาเมนต์นี้ ตกเป็นของ กฤษฎา วงษ์แก้ว กัปตันทีมชาติไทย
ขณะที่ผลการแข่งขันในรอบชิงอันดับที่ 3 ทีมชาติมาเลเซีย เอาชนะ ทีมชาติเวียดนาม ไปอย่างสนุกสูสี 6-5
ทำให้ ทีมชาติไทย ออสเตรเลีย และมาเลเซีย ทีมอันดับสาม ได้สิทธิ์เป็นตัวแทนโซนอาเซียนเข้าแข่งขัน ในศึกฟุตซอลชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้าย ที่ประเทศอุซเบกิสถาน ในระหว่างวันที่ 10-21 กุมภาพันธ์ปีหน้า เพื่อคัดห้าทีมตัวแทนทวีปเอเชีย เข้าแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2016 ที่ประเทศโคลัมเบียต่อไป.
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/532850
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น